วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Boxer

เพลง THE BOXER (Simon And Garfunkel)
เพลงนี้เป็นเพลงที่ใช้หัดเล่น Picking Guitar ตอนอยู่ ม.ศ.4 โรงเรียนเชียงคำวิทยาคม ซึ่งก็ได้อาศัยหนังสือ The Guiter ซึ่งเป็นหนังสือที่สอนการเล่นกีตาร์เล่มเดียวในสมัยนั้น ก็อาศัยการหมั่นฝึกฝนครับ ไม่เคยเรียนโน้ตดนตรีที่ใหนอาศัยใจชอบ เล่นกีตาร์ ก็ฝึกอ่าน ฝึกเล่นคนเดียวจนพอจะอ่านโน้ตเล่นโน้ตได้บ้าง เล่นตามระบบ Tablature ในหนังสือ The Guiter ได้บ้างก็ได้อาศัยเพลงนี้แหละครับ ฝึกเล่นตามหนังสือ ตามเทปคาสเซ็ท ที่มีอยู่ไป จนพอจะโชว์เพื่อนฝูงได้บ้าง ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องราวในบทเพลงหรอกครับอาศัยชอบว่าทำนองเพลงและการเล่นกีตาร์มันโดนใจเท่านั้นครับ พอตอนหลังพอรู้ความหมายของเพลงก็ยิ่งชอบครับ ก็ลองฟังดูนะครับเป็น Original Version

http://www.youtube.com/watch?v=AdKjEHfHINQ

ขอขอบคุณความหมายที่แปลได้มาจาก reurnthai.com/ ลองดูครับ ยังไงก็บอกนะครับ

THE BOXER (นักสู้) (Original)
Simon And Garfunkel


I am just a poor boy and my story’s seldom told
I’ve squandered my resistance for a pocketful
of mumbles, such are promises
All lies and jest, still the man hears
what he wants to hear
And disregards the rest, hmmmm

ฉันก็เพียงเด็กชายไม่ได้มีความสำคัญเลย เรื่องของฉันไม่ได้เอ่ยถึงบ่อย
ยืนหยัดอดทนหาเลี้ยงตัวเอง
ได้แต่บ่นพร่ำไปเรื่อย หยั่งกับคำสัญญา
คำพูดตลบตแลงและเรื่องเฮฮา ที่ผู้คนอยากได้ยินได้ฟัง
แล้วเขาต้องการจะฟังสิ่งใดเล่า
และไม่ใส่ใจอะไรกับการเฉยเมย...ฮึม

When I left my home and my family,
I was no more than a boy
In the company of strangers
In the quiet of the railway station,
runnin’ scared
Laying low, seeking out the poorer quarters,
where the ragged people go
Looking for the places only they would know

เมื่อได้หนีจากบ้านและครอบครัวมา
ฉันมันเป็นอะไรไปไม่ได้ มากกว่าแค่เด็กชายคนหนึ่งเท่านั้น
ท่ามกลางหมู่คนแปลกหน้า
ในสถานีรถไฟอันเงียบเหงา
วิ่งหนี อย่างขวัญหนีดีฝ่อ
คลานหาเศษเหรียญเศษเงิน
คนทั้งหลายต่างรีบร้อนไปไหนกัน
ก็เพียงเพื่อหาจุดหมายของตนเท่านั้น

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......(เหลวไหลสิ้นดี)

Asking only workman’s wages,
I come lookin’ for a job,
but I get no offers
Just a come-on from the whores on 7th avenue
I do declare, there were times
when I was so lonesome I took some comfort there

เรียกร้องค่าจ้างทำงาน
ฉันมาเพียงเพื่อหางานทำ
แต่ไม่มีใครให้โอกาสฉันเลย
มีแต่เพียงเสียงเย้ายวนว่า "มานี่" จากอีตัวบนถนนหมายเลขเจ็ด
ผมก็ร้องก้องไปว่า มีเวลามีถมเถไป
เมื่อผมเหงาก็คงหาความสุขจากที่นี่แหละ

Now the years are rolling by me,
they are rockin’ even me
I am older than I once was,
and younger than I’ll be, that’s not unusual
No it isn’t strange, after changes upon changes,
we are more or less the same
After changes we are more or less the same

บัดนี้เวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไป
มันเปลี่ยนแปลง แม้แต่ตัวฉันเอง
ฉันก็อายุมากขึ้น... มากขึ้นกว่าเดิม
แต่ยังอ่อนกว่า ที่จะต้องโตอีกต่อไป แต่นั่นมิใช่เรื่องแปลก
ไม่หรอก... มันไม่แปลกเลย หลังจากการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งเราก็แค่เป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม
หลังการเปลี่ยนแปลง เราก็คงเป็นไปได้ดีกว่า หรือแย่กว่าเดิม

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......

And I’m laying out my winter clothes,
wishing I was gone, goin’ home
Where the new york city winters aren’t bleedin’ me,
leadin’ me to go home

ตอนที่ผมเตรียมเสื้อกันหนาว
หวังไว้ว่าฉันเองจะได้กลับบ้าน
ที่ที่ลมหนาวที่นิวยอร์ค ไม่มาบาดผิวผมได้อีก
พาฉันกลับสู่บ้านด้วยเถิด

In the clearing stands a boxer,
and a fighter by his trade
And he carries the reminders of every glove
that laid him down or cut him
’til he cried out in his anger and his shame
I am leaving, I am leaving,
but the fighter still remains

บนเวทีของนักสู้
และเป็นนักสู้มืออาชีพ
และก็จดจำในทุกๆ กำปั้นที่กระแทกมา
กระทั่งเขาต้องร่ำร้อง กับการร่วงผลอย หรือโดนถลุง ด้วยแรงโกรธ และความอดทนสูง
ฉันไม่เอาแล้ว ฉันยอมแล้ว
แต่วิญญาณของนักสู้ ก็จะยังคงอยู่

...Lie-la-lie,lie-la-lie-la-lie-la-lieLie-la-lie,
lie-la-lie-la-lie-la-lie la-la-la-la-lie-......

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

เพราะพระบารมี


เมื่อตอนผมยังเด็ก เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหย่วนเชียงคำนาคโรวาท ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ตอนเย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่งผมกลับบ้านได้นั่งถอนหงอกให้แม่อุ๊ย แม่อุ๊ยก็เล่านิทานให้ฟัง สุดท้ายแม่อุ๊ยก็ชวนว่าวันพรุ่งนี้อุ๊ยจะไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งท่านจะได้เสด็จมาที่บ้านใหม่ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา จะไปด้วยกับอุ๊ยก่อ ผมก็ตอบว่าอยากไปๆๆๆ คืนนั้นก่อนนอนก็ตั้งความหวังว่าวันพรุ่งนี้จะได้รับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเคยเห็นแต่พระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดอยู่หน้าห้องเรียนเท่านั้น พรุ่งนี้จะได้เห็นตัวจริงแล้ว นึกแล้วก็ให้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก รุ่งเช้าก็เตรียมตัวแล้วก็เรียกหาแม่อุ๊ยๆๆ ไม่เจอถามคนในบ้านบอกว่าแม่อุ๊ยมีรถมารับไปแล้ว อ้าวแม่อุ๊ยคงลืมตามประสาคนแก่ ว่าได้ชวนเราแล้ว แต่ตอนไปคงลืม ทำไงล่ะทีนี้ ก็แต่งตัวแล้วนี่ แล้วก็ตามประสาเด็กๆ นั่นแหละคิดว่าบ้านใหม่ร่มเย็นมันคงไม่ไกลจากบ่านเราเท่าไหร่ (บ้านอยู่ที่บ้านหย่วน ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา) ก็เลยตัดสินใจว่าเดินไปก็ได้ ก็ถามคนแถวบ้านว่าบ้านไหม่ร่มเย็นไปทางไหน ซึ่งเค้าก็คงไม่ทันคิดอะไร และก็คงไม่คิดว่าผมจะเดินไป เค้าก็อธิบายว่าไปทางไหนอย่างไร จากนั้นผมก็ออกเดินทางทันทีโดยเดินไปดนเดียวตามทางที่คนข้างบ้านบอก จากบ้านหย่วนเดินผ่านบ้านตลาดแล้วก็เดินออกไปบ้านทุ่ง ระยะทางจากบ้านมาถึงตรงนี้ก็ประมาณ 4 กม.ได้ มีความมุ่งมั่นว่าจะไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทำให้ไม่รู้สึกเหนี่อยอะไร แล้วจู่ๆ ก็มีลุงคนหนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดลงหน้าผมแล้วก็ถามผมว่าจะไปใหนผมก็ตอบไปว่าจะไปบ้านร่มเย็นซึ่งลุงคนนั้น (ซึ่งเสียดายที่ผมจำชื่อลุงคนนี้ไม่ได้แล้ว) ก็จะไปเหมือนกัน ลุงบอกว่าป้าดโธ่ะ มันไกล๋นะไอ้น้อยมะซ้อนรถลุงนี่ ผมก็ขอบคุณแล้วนั่งซ้อนท้ายลุงทันที เมื่อมาถึงบ้านใหม่ร่มเย็นแล้ว ซึ่งถ้าผมเดินมาเอง ก็คงไม่ถึงแน่เพราะรู้สึกว่าขนาดนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ลุงมายังนานมากกว่าจะถึง ถ้าเดินมาก็ไม่รู้ว่าจะถึงหรือปล่าว ซึ่งนั่นก็เป็นความประทับใจครั้งแรก และเป็นโชคดีของผมจริงๆ ต้องขอขอบคุณลุงคนนั้นมากๆ ซึ่งก็คิดว่าตอนนี่ลุงคงไม่มีอยู่ในโลกนี้แล้ว (โดยคิดจากเวลาที่ผมเรียน ป.4 จนเดี๋ยวนี้จะ 50 แล้ว) ผมก็ขอบคุณคุณลุงผู้ใจดีคนนั้นแล้วก็ออกเดินตามหาแม่อุ๊ย ก็คิดตามประสาเด็กว่า เดี๋ยวคงจะเจอแม่อุ๊ย แต่ไม่คิดว่า ผู้คนมาจากไหนไม่รู้มากมายมืดฟ้ามัวดินไปหมด เดินไปทางไหนก็ต้องเดินเบียดกับผู้คนแล้วเราก็เป็นเด็กตัวเล็กๆ เดินหาจนอ่อนก็บ่าป๊ะแม่อุ๊ยจนกระทั่งมีเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศให้ทุกคนหยุดนั่งอยู่กับที่เพราะในหลวงท่านจะเสด็จแล้ว ผมก็ต้องหยุดเดินตามหาแม่อุ๊ยและนั่งอยู่กับที่ แต่ในหลวงก็ยังไม่เสด็จซัดทีเหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ทั้งหิวน้ำ หิวทั้งข้าว กลุ่มคนข้างๆ ซึ่งมารับเสด็จทั้งครอบครัวผมพอรู้ว่าเป็นครอบครัวโกสิ่ว ซึ่งเป็นครอบครัวผู้มีอันจะกินครอบครัวหนึ่งใน อ.เชียงคำ แต่เค้าไม่รู้จักผมหรอกครับ ครอบครับโกสิ่ว ก็เอาข้าวห่อออกมาเพื่อกินด้วยกันทั้งครอบครัว อาจจะเป็นเพราะผมนั่งมองพวกเค้ากินมากเกินไปรึปล่าว รึว่าเค้าเห็นผมเป็นเด็ก นั่งอยู่คนเดียวก็ไม่ทราบได้ เค้าก็เลยถามผมว่ามากับใครกินข้าวแล้วรึยังหิวไหม ในที่สุดครอบครัวผู้ใจดีครอบครัวนี้ก็แบ่งข้าวให้ผมกินซึ่งเป็นข้าวที่อร่อยมากที่สุดในชีวิตเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้กินแมงดาชุบแป้งทอดซึ่งบ้านผมไม่เคยมีให้กินแน่ๆ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณครอบครัวโกสิ่วและนึกขอบคุณครอบครัวนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน และนี่ก็เป็นความประทับใจครั้งที่ 2 ซึ่งผมอดคิดในตอนนี้ไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะผมโชคดี หรือเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่านกันแน่ ที่ดลบันดาลความโชคดีให้ผมได้มารับเสด็จพระองค์ท่าน
ในที่สุดพระองค์ท่านก็เสด็จมาพร้อมกับพระราชินี ซึ่งผมเห็นพระองค์ท่านใกล้มากๆ ผมรู้สึกตื้นตันและปราบปลื้มใจมากที่สุดในชีวิตเป็นเพราะพระบารมีอย่างแท้จริงผมจึงได้มาเฝ้ารับเสด็จพระองค์ท่าน ผมเก็บความประทับใจในวันนั้นมาจนถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่ลางเลือนไปแม้แต่น้อย พอพระองค์ท่านทั้งสองพระองค์เสด็จกลับแล้วผมก็เดินตามหาแม่อุ๊ยต่อเพื่อกลับบ้านแต่ก็หมดหวังเพราะเหลือรถสี่ล้อรับส่งผู้โดยสารไม่กี่คันแล้วแต่ไม่มีแม่อุ๊ยเลยซักคัน ผมตัดสินใจขึ้นรถโดยสารคันเกือบสุดท้ายที่มีที่ว่างพอเบียดตัวนั่งได้นิดนึงทั้งๆที่ ไม่มีเงินเลยซักบาทคิดว่าถ้าเค้ามาเก็บเงินค่าโดยสารก็จะบอกว่าไม่มีเงินเพราะผมหลงทางกับแม่อุ๊ยครับก็คิดว่าจะบอกเค้าไปอย่างนั้นครับ ในที่สุดรถก็กลับเข้าสู่ตลาดแล้วไปจอดที่หน้าโรงเรียนเชียงคำวิทยาคม ครับคนขับรถคงเห็นว่าผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ เลยไม่เก็บตังครับ นี่ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ผมโชคดีในวันนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงเย็นเกือบจะมืดในวันนี้นั้น ผมคงอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเพราะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระองค์ท่านโดยแท้ที่ทำให้ผมได้เข้าเฝ้ารับเสด็จพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดได้ชื่นชมพระบารมีอย่างเต็มที่ และได้กลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ด้วยความเหนื่อยอ่อนอย่างที่สุด แต่เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมสำหรับผมมาจนถึงทุกวันนี้ครับ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกำแพง

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550

ครูดรณ์จีรัณกับการสอนดนตรี

การสอนดนตรีสากลในปัจจุบันมีสื่อการเรียนการสอนมากมายทั้ง แบบหนังสือ VCD ,DVD ,VDO,TV ทำให้การเรียนการสอนดนตรีทำได้หลากหลาย ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ ตามเวลาที่ตนเองสะดวก ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนในเครื่องดนตรีที่ตนเองชอบได้อย่างหลากหลาย ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็มีหนังสือเกี่ยวกับการเรียนดนตรีแต่ละประเภทให้เลือกเรียนมากมาย ให้เลือกอย่างแพร่หลาย สามารถหาได้ง่ายๆ แม้แต่แผงลอยริมถนนก็มีให้เลือกซื้อหา ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านหนังสือใหญ่ๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว